Nvidia เปิดตัวการ์ดจอ RTX 30 ซีรี่ย์ใหม่อย่างเป็นทางการที่พัฒนาบนสถาปัตยกรรม Ampere ใหม่ ทั้งหมด 3 รุ่น เรือธงคือ RTX 3090, RTX 3080, และ RTX 3070 ที่ในรุ่นท็อปสุดมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า Titan RTX ถึง 50% และเพียงพอต่อการเล่นเกมความละเอียดระดับ 8K 60fps ที่พร้อมรองรับกับเกมระดับท็อปในอนาคตได้อย่างเต็มรูปแบบ. 

Geforce RTX 3090 นั้นมาพร้อมกับแรมมากถึง 24GB GDDR6X เท่าๆกับ Titan RTX แต่มีประสิทธิภาพการใช้งานที่สูงกว่า และพัดลมที่เสียงเบาลงกว่า 10เท่า เย็นลงกว่าเดิมมากถึง 30 องศา ที่มีราคาในการจัดจำหน่ายอยู่ที่ $1,499 หรือประมาณ 46,800 บาท เรียกได้ว่ามีราคาที่ถูกกว่า Titan RTX ถึง $1,000 ประมาณ 31,200 บาทเลยทีเดียว โดยจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 24 กันยายน 2020 นี้. 

ในรุ่น Geforce RTX 3080 ที่ถือเป็นรุ่นเรือธงของเหล่าเกมเมอร์ทั่วๆไปนั้นเพียงพอไปได้อีกยาวไกลนั้นมาพร้อมกับแรม 10GB GDDR6X ประสิทธิภาพที่สูงจาก RTX 2080 ถึง 2เท่า และสามารถใช้งาน 4K 60fps ได้อย่างลื่นไหลในราคาเพียง $699 หรือประมาณ 21,800 บาทซึ่งมีราคาเท่ากับ RTX 2080 เดิมเลย โดยจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 กันยายน 2020 นี้ 

และสุดท้ายรุ่น RTX 3070 ทาง NVIDIA ยืนยันว่ามีประสิทธิภาพที่สูงกว่า RTX 2080Ti และมีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่น RTX 2070 ถึง 60% ด้วยแรม 8GB GDDR6 และสามารถใช้เล่นเกมความละเอียด 4K และ 1440P ได้อีกด้วยในราคาเพียง $499 ประมาณ 15,600 บาท พร้อมจำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคม 2020 นี้ 

RTX 30 ซีรี่ย์ถูกออกแบบให้สามารถจัดการความร้อนได้ดีขึ้นจากเดิมถึง 2เท่า เพื่อรองรับการเล่นเกมได้ในระดับ 8K 60fps และ 4K 120fps ผ่านการเชื่อมต่อด้วยพอร์ต HDMI 2.1 เท่านั้น. รวมไปถึงด้านของซอฟต์แวร์ใหม่สำหรับ RTX 30 ซีรี่ย์มากมายเพื่อการเล่นเกมที่ดีขึ้นเช่น Nvidia Reflex เพื่อลดอัตราการดีเลย์ในการส่งสัญญาณ ทำให้ RTX30 ซีรี่ย์สามารถใช้งานหน้าจอรีเฟรชเรตมากสุดถึง 360Hz ได้อย่างสบายๆ และ Nvidia Broadcast ใหม่เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเหล่าแคนเตอร์มือโปรให้วิดีโอที่สตรีมอยู่นั้นดีเยี่ยมมากกว่าเดิมด้วยการนำ AI มาช่วยในด้านต่างๆเช่น audio noise removal, virtual background effects, และ webcam auto frame โดยในตอนนี้ทาง NVIDIA ได้มีการปล่อยเวอร์ชั่นเบต้าเพื่อให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถทดสอบ Nvidia Broadcast ด้วยเช่นกัน. 

อย่าลืม! กด Subscribe และกดกระดิ่ง ที่

>> เข้ากลุ่มคนไทยพูดคุยเกี่ยวกับ <<

ที่มา NVIDIA